อัพเดทและเที่ยวชมงาน
ถอดรหัส De-Stress Pavilion เบื้องหลังการออกแบบ "ความสบายใจ" ให้จับต้องได้
ถอดรหัส De-Stress Pavilion เบื้องหลังการออกแบบ “ความสบายใจ” ให้จับต้องได้ โดย ปนัดดา สุภาพพานิช, นวล ตันศรีสกุล จาก Matter Plotter Studio“ความสบายใจ” คืออะไร? คำถามที่ดูเรียบง่ายแต่กลับจับต้องได้ยากนี้ คือโจทย์ตั้งต้นที่ท้าทายที่สุดของ “De-Stress Economy Pavilion” แลนด์มาร์คหลักของเทศกาลออกแบบปักษ์ใต้ 2568 ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) และทีมสถาปนิกจาก Matter Plotter Studio นำโดย ปนัดดา สุภาพพานิช ผู้รับหน้าที่แปลงความรู้สึกให้กลายเป็นพื้นที่สถาปัตยกรรม บทความนี้คือการเดินทางเข้าไปสำรวจเบื้องหลังความคิด เพื่อถอดรหัสว่าทีมออกแบบสามารถเปลี่ยนลานจอดรถที่แข็งกระด้างให้กลายเป็นพื้นที่ที่ “ยินดีต้อนรับ” ทุกความรู้สึกได้อย่างไรเมื่อโจทย์คือการนิยาม “เศรษฐกิจแห่งความสบายใจ”โปรเจกต์นี้เริ่มต้นจากวิสัยทัศน์ของ CEA ที่ต้องการนำเสนอศักยภาพทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของ 14 จังหวัดภาคใต้ ผ่านแนวคิด “เศรษฐกิจแห่งความสบายใจ” (De-Stress Economy) ซึ่งเป็นสิ่งที่ผูกพันกับภาพจำของภาคใต้อยู่แล้ว ทั้งธรรมชาติที่สวยงาม อาหารที่อร่อย และผู้คนที่เป็นมิตร แต่ความท้าทายคือการแปลงแนวคิดที่เป็นนามธรรมนี้ให้กลายเป็นนิทรรศการที่สื่อสารกับผู้คนได้จริง ทีมออกแบบได้ตีความแก่นแท้ของ ‘ความสบายใจ’ ว่าคือความรู้สึกที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่สุด นั่นคือ ‘ยินดีต้อนรับ’“นิยามความสบายใจของพวกเราคือความรู้สึกของ ‘ความยินดีต้อนรับ’ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะผ่านอะไรมา อึดอัดใจ เครียดจากชีวิตประจำวัน… พื้นที่นี้ตอบโจทย์ มีความสบายใจให้ เรายินดีต้อนรับ” นี่จึงเป็นที่มาของการออกแบบที่ใช้เนื้อหาเป็นตัวนำ โดยมีสถาปัตยกรรมทำหน้าที่เป็นเปลือกหุ้มที่สวยงามและสื่อความหมายการเดินทางผ่าน 4 ซีน – ลำดับประสบการณ์ที่ออกแบบมาเพื่อ “ใจ”เพื่อนำทางอารมณ์และความรู้สึกของผู้มาเยือน ทีมออกแบบได้ลำดับการเล่าเรื่องออกเป็น 4 โซนหลัก ที่จะค่อยๆ พาเราเดินทางจากภาพใหญ่สู่ภายในใจของตัวเอง ประตูสู่แดนใต้ การต้อนรับเริ่มต้นตั้งแต่ทางเข้า ด้วยโมบายสีสันสดใสที่ได้แรงบันดาลใจจากองค์ประกอบของภาคใต้ ทั้งหัวเรือกอและ, ว่าววงเดือน และโนราห์ ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของคำว่า “ยินดีต้อนรับ” โดยไม่ต้องมีป้ายบอกทาง ภาพใหญ่ของเศรษฐกิจแห่งความสบายใจ โซนถัดมาคือการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านกรณีศึกษาระดับนานาชาติที่พิสูจน์ให้เห็นว่า “เศรษฐกิจแห่งความสบายใจ” นั้นมีอยู่จริงและสามารถสร้างรายได้มหาศาล เพื่อตอกย้ำว่าภาคใต้มีศักยภาพที่จะเป็นหมุดหมายสำคัญของเศรษฐกิจแขนงนี้ 6อุโมงค์สำรวจใจ หลังจากเห็นภาพใหญ่แล้ว นิทรรศการจะดึงผู้ชมกลับเข้ามาสำรวจตัวเองผ่าน “อุโมงค์ความเครียด” ที่เล่นกับข้อมูลสถิติซึ่งเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนได้ตระหนักถึงความเครียดที่ซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวันของตนเองทางออกที่ปลายอุโมงค์ เมื่อออกจากอุโมงค์ ผู้ชมจะได้พบกับโซนที่เปรียบเสมือน “ทางออก” ที่บอกว่า “เราแคร์คุณนะ” ที่นี่คือพื้นที่ที่ผู้ชมจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับนิทรรศการอย่างเต็มรูปแบบ ผ่าน “ห้องกระจก” ที่ให้สำรวจโปรไฟล์ความสบายใจในแบบของตัวเอง “โซนแม่หมอ” ที่มี Key Visual Card ช่วยแนะนำจังหวัดที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ และ “บอร์ดจังหวัด” ที่เปิดให้ทุกคนได้ร่วมกันเขียนแนะนำสถานที่ต่างๆ ในบ้านเกิดของตนเองนิทรรศการที่มีชีวิตและอนาคตที่รอการต่อยอดหัวใจของพาวิลเลียนหลังนี้คือการสร้าง “ปฏิสัมพันธ์” ทุกองค์ประกอบถูกออกแบบมาอย่างยืดหยุ่นและเป็นกันเอง เพื่อให้ผู้คนรู้สึกสนุกและเป็นเจ้าของพื้นที่อย่างแท้จริง ซึ่งนำไปสู่คำตอบว่าความสำเร็จของนิทรรศการนี้วัดจากอะไร… “ความสบายใจค่ะ ความสบายจากคนที่มาใช้พื้นที่” แม้ว่าเทศกาลฯ จะจบลงไปแล้ว แต่เนื้อหาและข้อมูลทั้งหมดในนิทรรศการยังคงมีศักยภาพที่จะถูกนำไปต่อยอดได้ในอนาคต โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง “โปรไฟล์ของผู้คน” ที่สามารถนำไปพัฒนาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารการท่องเที่ยวของภาคใต้ต่อไปได้ท้ายที่สุดแล้ว “De-Stress Economy Pavilion” ได้กลายเป็นบทสรุปที่งดงามของธีมงานในปีนี้: “ความสบายตัว สบายใจ ภาคใต้ยินดีต้อนรับ” เป็นการพิสูจน์ว่าสถาปัตยกรรมที่เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจ “ผู้คน” สามารถสร้างพื้นที่ที่เยียวยาและสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างแท้จริง_#TheMakingOf #PTDW2025#PakkTaiiDesignWeek#SouthParadise#มาใต้บายใจให้ถึงหวัน
16 ก.ย. BBBB
NAYU COUTURE ถอดรหัสยะลา...จากเมืองแห่งภูมิปัญญาสู่ศูนย์กลางแฟชั่นมลายู
NAYU COUTURE ถอดรหัสยะลา…จากเมืองแห่งภูมิปัญญาสู่ศูนย์กลางแฟชั่นมลายู โดย เอกรัตน์ สุวรรณรัตน์ YALA ICONยะลาในฐานะ “เมืองแฟชั่น” คือภาพที่อาจยังไม่ชัดเจนในสายตาของคนส่วนใหญ่ แต่นิทรรศการ “NAYU COUTURE” ที่นำเสนอโดย เอกรัตน์ สุวรรณรัตน์ Creative Director แห่ง YALA ICON ได้ทำหน้าที่เป็นบทพิสูจน์อันทรงพลัง ที่จะพาเราไปสำรวจเบื้องหลังและถอดรหัสว่า เหตุใดเมืองเล็กๆ แห่งนี้จึงมีศักยภาพในการเป็น “ศูนย์กลางแฟชั่นมลายู” ที่สมบูรณ์แบบรากฐานแห่งภูมิปัญญา มากกว่าเสื้อผ้ามลายูนิทรรศการเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามพื้นฐานว่า “What is Muslim Fashion?” เพื่อพาผู้ชมย้อนกลับไปทำความเข้าใจประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมุสลิมในยะลา แต่หัวใจสำคัญไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น แต่คือการทำ “Skill Mapping” หรือการทำแผนที่ทักษะของช่างฝีมือในพื้นที่ ตั้งแต่ครูช่างผู้เชี่ยวชาญเทคนิคการปักจักร การทำ “กะปิเยาะ” (หมวกสำหรับละหมาด) ไปจนถึงผู้ผลิตและผู้นำเข้าส่งออกผ้า สิ่งนี้ทำให้เห็นภาพ “ระบบนิเวศ” ของอุตสาหกรรมแฟชั่นในยะลาตั้งแต่ต้นน้ำได้อย่างชัดเจนจากทักษะสู่คอลเลกชัน การต่อยอดเชิงสร้างสรรค์ความรู้และทักษะฝีมือที่ถูกรวบรวมไว้ ได้กลายเป็นวัตถุดิบสำคัญในการต่อยอดสู่คอลเลกชันพิเศษ 12 ชุด ที่เป็นรูปธรรมของศักยภาพทั้งหมด กระบวนการนี้เริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบลายผ้าขึ้นมาใหม่ การส่งต่อให้ครูช่างแกะบล็อกไม้เพื่อทำผ้าบาติก ไปจนถึงการออกแบบตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้จริง นี่คือการแสดงให้เห็นถึงกระบวนการทำงานที่ครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ (ภูมิปัญญา), กลางน้ำ (การออกแบบและผลิต), ไปจนถึงปลายน้ำ (ธุรกิจแฟชั่น)วิสัยทัศน์แห่งอนาคต ยะลาในฐานะฮับแฟชั่นเป้าหมายสูงสุดของ “NAYU COUTURE” คือการสร้างความเข้าใจว่ายะลาเป็นมากกว่าแหล่งผลิต แต่คือ “ฮับแฟชั่นมลายู” ที่มีกระบวนการครบวงจรและแข็งแกร่ง นิทรรศการนี้ต้องการแสดงให้เห็นว่าภูมิปัญญาและทักษะฝีมือของช่างท้องถิ่น สามารถถูกนำไปต่อยอดในเชิงธุรกิจได้อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าผู้ซื้อจะเป็นผู้ที่สวมใส่เสื้อผ้ามลายูหรือไม่ก็ตามนี่คือเรื่องราวของการเปลี่ยนเมืองที่เต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรม ให้กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพในการแข่งขันระดับสากล ผ่านพลังของความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบ_#TheMakingOf #PTDW2025#PakkTaiiDesignWeek#SouthParadise#มาใต้บายใจให้ถึงหวัน
16 ก.ย. BBBB
ตรังโอชา ลิ้มรสตรัง – เมื่อวัฒนธรรมอาหารคือหัวใจของเมือง
ตรังโอชา ลิ้มรสตรัง – เมื่อวัฒนธรรมอาหารคือหัวใจของเมืองโดย พิบูล อมรจิรพร Plural designsจะมีวิธีใดที่จะทำความรู้จักเมืองหนึ่งเมืองได้ดีไปกว่าการ “ลิ้มรส” เมืองนั้น? นิทรรศการ “ตรังโอชา ลิ้มรสตรัง” ที่ออกแบบโดย พิบูล อมรจิรพร จาก Plural Designs ได้ตอบคำถามนี้ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยการนำเสนอเรื่องราวของจังหวัดตรัง เมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในเมืองหลวงด้านอาหารของภาคใต้ ผ่านประสบการณ์ที่ครบทุกมิติ“เก้ามื้อแห่งตรัง” จังหวะชีวิตที่ขับเคลื่อนด้วยมื้ออาหารหัวใจของนิทรรศการคือการพาผู้ชมไปทำความเข้าใจแนวคิด “เก้ามื้อของตรัง” อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งไม่ได้หมายถึงคนคนเดียวกินเก้าครั้งต่อวัน แต่คือภาพสะท้อนจังหวะชีวิตของเมืองที่ไม่เคยหลับใหล ตั้งแต่มื้อเช้ามืดของชาวสวนกรีดยาง มื้อสายของคนในตลาด ไปจนถึงมื้อดึกของชาวประมง เรื่องราวเหล่านี้ถูกบอกเล่าผ่านภาพถ่ายทรงพลังที่คัดสรรร่วมกับช่างภาพท้องถิ่นผู้บันทึกชีวิตชาวตรังมาหลายทศวรรษ ทำให้ผู้ชมได้เห็นว่าอาหารผูกพันกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และความเชื่อของผู้คนอย่างลึกซึ้งจากภาพถ่ายสู่รสชาติจริง – Pop-up Canteen และงานดีไซน์“ตรังโอชา” ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเล่าเรื่องผ่านภาพ แต่ยังได้ยกครัวตรังมาไว้ใจกลางนิทรรศการด้วยการ Pop-up Canteen ที่เชิญเชฟและร้านอาหารชื่อดัง 3 ร้านจากตรัง มาเสิร์ฟเมนูเด็ดให้ได้ลิ้มลองกันจริงๆ ตั้งแต่หมูย่างตรังไปจนถึงอิ๋วจาโก้ย ทำให้ประสบการณ์การชมงานสมบูรณ์ยิ่งขึ้นนอกจากนี้ นิทรรศการยังจัดแสดงงานออกแบบที่เกี่ยวเนื่องกับวัฒนธรรมอาหาร โดยมีแบรนด์เซรามิกที่ออกแบบชุดภาชนะบนโต๊ะอาหาร และแบรนด์งานฝีมือท้องถิ่นมาร่วมจัดแสดง เป็นการเชื่อมโยงระหว่างรากเหง้าทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ร่วมสมัยนิทรรศการมีชีวิตที่พร้อมเดินทางต่อความพิเศษของนิทรรศการนี้ยังอยู่ที่รูปแบบการจัดแสดง ซึ่งทีมออกแบบเลือกใช้เทคนิคการพิมพ์ลงบนผืนผ้า ทำให้เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดสามารถม้วนเก็บและนำไปจัดแสดงต่อที่อื่นได้ในอนาคต โดยมีความตั้งใจว่าเรื่องราวของ “ตรังโอชา” จะได้เดินทางกลับไปให้ชาวตรังได้รับชมต่อไป“ตรังโอชา” คือพื้นที่ที่หลอมรวมเรื่องเล่า รสชาติ และงานดีไซน์เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกล่อม เพื่อพิสูจน์ว่าการจะเข้าใจเมืองได้อย่างแท้จริงนั้น ต้องเริ่มต้นจากการลิ้มรสชาติของมันนั่นเอง_#TheMakingOf #PTDW2025#PakkTaiiDesignWeek#SouthParadise#มาใต้บายใจให้ถึงหวัน
16 ก.ย. BBBB
ความร่วมมือของชาวนราธิวาสที่มา 'สร้าง' บทสนทนาให้เมือง
ความร่วมมือของชาวนราธิวาสที่มา ‘สร้าง’ บทสนทนาให้เมือง โดย ปรัชญ์ พิมานแมน ตัวแทนนักออกแบบจากนราธิวาส De’ Lapae Art Space Narathiwat“เราไม่รอใคร เราสร้างมันขึ้นมาเอง” นี่คือปรัชญาอันทรงพลังที่อยู่เบื้องหลังนิทรรศการ “Dialogue : Ask yourself to : Building River, Boat, Forest, Mountain, Sea and Sky” หนึ่งในโปรเจกต์ที่น่าจับตามองที่สุดในเทศกาลออกแบบปักษ์ใต้ 2568 และเป็นปรัชญาการทำงานของ ปรัชญ์ พิมานแมน ภัณฑารักษ์แห่ง De’Lapae Art Space Narathiwat ผู้เชื่อมั่นในการสะท้อน “ความเป็นกลุ่มก้อน” มากกว่าการนำเสนอผลงานของศิลปินเพียงคนเดียว บทความนี้คือการเดินทางเข้าไปสำรวจเบื้องหลังการออกแบบ ที่บทสนทนาไม่ได้เป็นเพียงชื่อนิทรรศการ แต่คือกระบวนการทำงานในทุกขั้นตอนการรวมตัวของเสียงสะท้อน 4 กลุ่มก้อนแห่งความคิดสร้างสรรค์หัวใจของ ‘Dialogue’ คือการสร้างพื้นที่ให้เสียงที่หลากหลายของนราธิวาสได้เปล่งประกาย ปรัชญ์ พิมานแมน ได้ทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมโยง 4 กลุ่มสร้างสรรค์หลัก ที่เปรียบเสมือนเสาหลัก 4 ต้นของบทสนทนาครั้งนี้:1. มุสลิมะฮ์คอลเลกทีฟ (Muslimah Collective): บทสนทนาแห่งการเยียวยา กลุ่มแม่บ้านในชุมชนได้ใช้เข็มและด้ายเป็นเครื่องมือในการพูดคุยและสร้างความเข้มแข็งจากภายใน โดยมีดีไซเนอร์คอยเป็นพี่เลี้ยง2. บูหงา มาลายู (Bunga Melayu): บทสนทนากับมรดก ที่นำลวดลาย “เรือกอและ” และหัตถกรรม “กระจูด” มาตีความใหม่ในมุมมองร่วมสมัย3. บางนาราเดลต้า (Bangnara Delta): บทสนทนากับอนาคต คือเสียงของคนรุ่นใหม่ที่กลับมาบ้านเกิดและเปิด “Open Call” ชวนทุกคนมาร่วมกันบันทึกภาพเมือง เพื่อสร้างอนาคตที่พวกเขาอยากเห็น4. Satu ≠ Padu Collaborative: บทสนทนาของความหลากหลาย ที่รวบรวมศิลปิน 10 คนมานำเสนอมุมมองต่อนราธิวาสผ่านสื่อภาพเคลื่อนไหวจากแนวคิดสู่ชิ้นงาน – เบื้องหลังการสร้างสรรค์เบื้องหลังแต่ละผลงานเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ เช่น เก้าอี้ที่ได้แรงบันดาลใจจากรูปทรงของเรือกอและ ซึ่งเกิดจากการนำเทคนิคโอริกามิมาประยุกต์ใช้กับกระดาษ หรือการเลือกใช้กล้องฟิล์มโบราณขนาด 8 มม. เพื่อสร้างสุนทรียภาพและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างให้กับภาพของนราธิวาส สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจในการทดลองและค้นหาวิธีการเล่าเรื่องที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละประเด็นนิทรรศการที่มีชีวิตนิทรรศการ “Dialogue” ที่เกิดขึ้นในเทศกาลฯ เป็นมากกว่าการจัดแสดงผลงานศิลปะ คือภาพจำลองของระบบนิเวศสร้างสรรค์ที่กำลังเติบโตในนราธิวาส เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าเมื่อชุมชนลุกขึ้นมา “สร้าง” เรื่องราวของตัวเอง ผลลัพธ์ที่ได้คือบทสนทนาที่มีชีวิตชีวา จริงแท้ และทรงพลัง ถึงแม้ว่านิทรรศการจะจบลงไปแล้ว แต่บทสนทนาที่แท้จริงของชาวนราธิวาสนั้น…เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น_#TheMakingOf #PTDW2025#PakkTaiiDesignWeek#SouthParadise#มาใต้บายใจให้ถึงหวัน
16 ก.ย. BBBB
กระจกสะท้อนใจกลางเมืองศรัทธา การเดินทางสู่แก่นแกนของความสงบแบบนครศรีธรรมราช
กระจกสะท้อนใจกลางเมืองศรัทธา การเดินทางสู่แก่นแกนของความสงบแบบนครศรีธรรมราช โดย ศุภชัย แกล้วทนงค์ แก้วตระการ จุลบล ตัวแทนนักออกแบบจากทีม Creative Nakhon“ศรัทธา” มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร? คำถามนี้อาจไม่มีคำตอบตายตัว แต่สำหรับนิทรรศการ “Hip & Holy” ในเทศกาลออกแบบปักษ์ใต้ 2568 ศรัทธาคือประสบการณ์ที่เดินทางจากความสงบภายในจิตใจไปสู่การแสดงออกทางวัฒนธรรมที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา การตีความ “เมืองแห่งศรัทธา” อย่างนครศรีธรรมราชในมุมมองร่วมสมัย โดยทีม Creative Nakhonการเดินทางสู่ภายใน – พาวิลเลียนแห่งแก่นแกนความสงบประสบการณ์แรกที่ผู้ชมจะได้สัมผัสคือ “พาวิลเลียน” ที่เป็นดั่ง “พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์” ส่วนตน ที่ผู้มาเยือนสามารถปลีกตัวจากความวุ่นวายภายนอกและเดินทางกลับสู่ “แก่นแกนแห่งความสงบ” (Axis of Silence) ภายในตัวเอง แนวคิดนี้ตั้งอยู่บนความเชื่อที่ว่าความสงบจากภายในคือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนา ไม่ว่าจะมีความเชื่อในรูปแบบใดก็ตาม ทั้งเสียงที่คัดสรรมาอย่างดี กลิ่นที่ช่วยให้ผ่อนคลาย และรูปทรงทางสถาปัตยกรรม จะค่อยๆ นำทางให้ผู้มาเยือนกลับมามีสติและสมาธิ ไฮไลท์สำคัญคือการใช้ “กระจกสะท้อน” ซึ่งไม่ได้สะท้อนเพียงรูปลักษณ์ภายนอก แต่เชื้อเชิญให้เราได้สำรวจและยอมรับสภาวะจิตใจของตนเองในขณะนั้น เป็นการเผชิญหน้ากับความรู้สึกภายในอย่างอ่อนโยนการแสดงออกสู่ภายนอกและวัฒนธรรมที่จับต้องได้หลังจากที่พาวิลเลียนได้นำเราเดินทางสู่ภายในแล้ว นิทรรศการ “Hip & Holy” ที่สร้างสรรค์ร่วมกับทีม “Young Play” จะนำเรากลับออกมาสำรวจว่าศรัทธานั้นได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับวิถีชีวิตของชาวนครฯ อย่างไร โดยแบ่งเรื่องราวออกเป็น 3 ส่วน1. งานบุญในเมืองนคร บอกเล่าประเพณีและพิธีกรรมทางศาสนาที่หลอมรวมผู้คนในชุมชนให้เป็นหนึ่งเดียว2. มูเตลู ศรัทธา ความเชื่อ สำรวจโลกของ “มูเตลู” วัฒนธรรมความเชื่อร่วมสมัย และการมีวัตถุมงคลไว้เป็นที่พึ่งทางใจ3. ผลิตภัณฑ์แห่งศรัทธา แสดงให้เห็นถึงการต่อยอดความเชื่อสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ตัวอย่างที่น่าสนใจคือการนำ “หางประทัด” จากวัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) ซึ่งปกติถือเป็นขยะ มาออกแบบใหม่ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าและสวยงามในท้ายที่สุด “Hip & Holy” อาจไม่ได้ให้คำตอบสำเร็จรูปว่า “ศรัทธา” คืออะไร แต่ได้มอบ “เครื่องมือ” ให้เรากลับไปใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้ง “กระจก” สำหรับสำรวจใจตนเองในพาวิลเลียน และ “แรงบันดาลใจ” จากนิทรรศการที่แสดงให้เห็นว่าความเชื่อสามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังสร้างสรรค์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด_#TheMakingOf #PTDW2025#PakkTaiiDesignWeek#SouthParadise#มาใต้บายใจให้ถึงหวัน
16 ก.ย. BBBB
WAQAF เมื่อปรัชญาแห่งการให้...ถูกหลอมรวมเป็นสถาปัตยกรรมแห่งการอยู่ร่วมกัน
WAQAF เมื่อปรัชญาแห่งการให้…ถูกหลอมรวมเป็นสถาปัตยกรรมแห่งการอยู่ร่วมกัน โดย นาดา อินทพันธ์ ตัวแทนนักออกแบบจาก Melayu Livingสถาปัตยกรรมจะสามารถสร้าง “พื้นที่สบายใจ” สำหรับการอยู่ร่วมกันในสังคมร่วมสมัยได้อย่างไร? คำถามนี้คือจุดเริ่มต้นของนิทรรศการ “วากัฟ” (Waqaf) โปรเจกต์ที่นำเสนอโดย Melayu Living จากปัตตานี ได้นำปรัชญามลายูอันลึกซึ้งมาตีความใหม่ผ่านการออกแบบเชิงทดลองจาก “ศาลา” สู่พื้นที่แห่งการตีความร่วมสมัยหัวใจของโปรเจกต์นี้คือแนวคิด “วากัฟ” (Waqaf) ซึ่งในทางปฏิบัติหมายถึงการอุทิศที่ดินหรือทรัพย์สินเพื่อสาธารณประโยชน์ ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เราจะเห็นภาพสะท้อนของปรัชญานี้ได้อย่างชัดเจนในรูปแบบของ “ศาลา” ที่ตั้งอยู่ริมทางหรือในบริเวณมัสยิด ทำหน้าที่เป็นพื้นที่พักพิงและพบปะสำหรับส่วนรวมทีมออกแบบจึงได้นำ “ศาลา” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการอุทิศตนนี้ มาเป็นต้นแบบในการสร้างสรรค์พื้นที่ที่ไม่ใช่แค่การตีความเชิงสถาปัตยกรรม แต่ยังเปิดกว้างให้เกิดบทสนทนา โดยได้เชิญชวนศิลปินทั้งในและนอกพื้นที่มาร่วมตีความหมายของคำว่า “วากัฟ” ในแบบฉบับของตนเอง ควบคู่ไปกับการเปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้ามาใช้งานและร่วมแสดงความคิดเห็น เพื่อให้พื้นที่นี้กลายเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนอย่างแท้จริงนวัตกรรมจากวัสดุ เมื่อ “ขยะ” กลายเป็น “กระเบื้องหลังคา”ผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่น่าจับตามองที่สุดในโปรเจกต์นี้คือ “กระเบื้องหลังคาผ้า” ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เกิดจากการตั้งคำถามต่อวัสดุเหลือใช้ โดยทีมงานได้นำ “น้ำสุดท้ายของเสื้อผ้ากระสอบ” ซึ่งเป็นเศษวัสดุที่ไม่มีมูลค่าทางการค้าแล้ว มาสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์ใหม่นี่คือการทดลองเชิงสร้างสรรค์ที่ท้าทายขนบเดิมๆ ของวัสดุก่อสร้าง และเป็นการตีความของศิลปินที่ต้องการแสดงให้เห็นว่า แม้แต่วัสดุที่ถูกทอดทิ้งก็สามารถแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและความงามได้ โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาและต่อยอดวัสดุชิ้นนี้ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบอื่นๆ ได้ในอนาคตสถาปัตยกรรมที่สร้าง ‘ความหวัง’ท้ายที่สุดแล้ว “วากัฟ” ได้ทิ้ง “คำถาม” และ “ความเป็นไปได้” ไว้ให้กับผู้มาเยือน ถูกตั้งคำถามว่าปรัชญาดั้งเดิมจะยังคงหายใจอยู่ในโลกยุคใหม่ได้อย่างไร และแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการมองเห็นคุณค่าในสิ่งที่ถูกทอดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สาธารณะที่ถูกลืม หรือเศษวัสดุที่ไร้ค่า นี่คือสถาปัตยกรรมที่ไม่ได้สร้างแค่ที่พักพิง แต่สร้าง “ความหวัง” ให้กับอนาคตของการอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน_#TheMakingOf #PTDW2025#PakkTaiiDesignWeek#SouthParadise#มาใต้บายใจให้ถึงหวัน
16 ก.ย. BBBB
ISLAND-INFUSED กลิ่นเมืองเกาะ อายเมืองท่า – บทสนทนาว่าด้วยการเติบโตและความสมดุลบนเกาะสวรรค์
ISLAND-INFUSED กลิ่นเมืองเกาะ อายเมืองท่า – บทสนทนาว่าด้วยการเติบโตและความสมดุลบนเกาะสวรรค์ โดย พรเทพ นุชเล็ก ตัวแทนนักออกแบบจาก Studio Locomotiveภูเก็ตในฐานะ “เกาะสวรรค์” คือภาพจำที่คนทั่วโลกต่างยอมรับ แต่ภายใต้การเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มีคำถามสำคัญที่ซ่อนอยู่ เราจะสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาและความคงอยู่ของธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิมได้อย่างไร? นิทรรศการ “Phuket Pavilion: ISLAND-INFUSED กลิ่นเมืองเกาะ อายเมืองท่า” ที่ออกแบบโดย Studio Locomotive คือพื้นที่ที่เชื้อเชิญให้เรามาร่วมค้นหาคำตอบของคำถามนี้ไปด้วยกันแผนที่แห่งกาลเวลาการเดินทางเริ่มต้นด้วยการย้อนอดีตกลับไป 40 ปี ผ่านแผนที่ดาวเทียมที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของภูเก็ตอย่างเป็นรูปธรรม ผู้ชมจะได้เห็นการขยายตัวของเมืองที่ค่อยๆ รุกล้ำพื้นที่สีเขียว ซึ่งเป็นดั่งบทเปิดที่ทรงพลังและกระตุ้นให้เกิดการฉุกคิดถึงผลกระทบจากการพัฒนาที่ผ่านมาเมืองที่ไม่สบายและธรรมชาติที่ถูกเบียดเบียนนี่คือโซนที่เป็นหัวใจของนิทรรศการทั้งหมด พื้นที่แห่งนี้ถูกจำลองให้เป็นเกาะภูเก็ตขนาดใหญ่ โดยมีแพลตฟอร์มที่นั่งตรงกลางเปรียบเสมือน “เมือง” และมีต้นไม้รายล้อมเปรียบเสมือน “ธรรมชาติ” ผู้ชมจะถูกเชื้อเชิญให้เข้าไปนั่งในฐานะ “คนตัวใหญ่” ที่มาเยือนเกาะความพิเศษเชิงแนวคิดคือแพลตฟอร์มที่นั่งนั้นถูกออกแบบมาให้อยู่ในสภาวะที่ “ไม่สบาย” ทั้งการนั่งและการเดิน เพื่อสะท้อนถึงสภาวะของเมืองที่แออัดและตึงเครียด หากอยากให้ที่นั่งกว้างขึ้นเพื่อความสบายของตนเอง ก็เปรียบได้กับการขยายเมืองที่ต้องเบียดเบียนพื้นที่ธรรมชาติโดยรอบ นี่คือการใช้สถาปัตยกรรมเพื่อสร้างบทสนทนาเชิงกายภาพ ให้ผู้คนได้รู้สึกถึงความขัดแย้งระหว่างความเจริญและความยั่งยืนด้วยตนเองจากทะเลสาบสงขลา สู่ทะเลอันดามันโซนสุดท้ายคือพื้นที่ที่เชื่อมโยงผู้ชมกลับสู่ความงามของธรรมชาติที่จับต้องได้ ผ่านองค์ประกอบที่สื่อถึงคลื่นและลม พร้อมกับการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างทะเลสาบสงขลาซึ่งเป็นที่ตั้งของนิทรรศการ กับทะเลอันดามันของภูเก็ต เป็นการย้ำเตือนว่าปัญหาความสมดุลระหว่างเมืองกับธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องราวร่วมกันของทุกพื้นที่“ISLAND-INFUSED” คือการสร้างพื้นที่ให้เกิดการตั้งคำถามและทบทวน เพื่อให้เราได้ร่วมกันออกแบบอนาคตของภูเก็ตและเมืองอื่นๆ ให้เป็นสวรรค์ที่ยั่งยืนสำหรับคนทุกรุ่นต่อไป_#TheMakingOf #PTDW2025#PakkTaiiDesignWeek#SouthParadise#มาใต้บายใจให้ถึงหวัน
16 ก.ย. BBBB
แรร์นอง - ดื่มด่ำระนองผ่านทุกโสตประสาทใน Varin Multi-sensory Installation
แรร์นอง – ดื่มด่ำระนองผ่านทุกโสตประสาทใน Varin Multi-sensory Installation โดย ธนพงศ์ พานิชชอบ ตัวแทนนักออกแบบจาก Yimsamer x Titan Project Spaceระนองในความทรงจำของคุณเป็นแบบไหน? เมืองแห่งสายฝน เมืองแห่งบ่อน้ำแร่ หรือเมืองแห่งประวัติศาสตร์เหมืองดีบุก “แรร์นอง” โดยนักออกแบบ ธนพงศ์ พานิชชอบ ได้นำเสนอคำตอบที่หลอมรวมทุกมิติเหล่านี้ไว้ในประสบการณ์เดียว ผ่านไฮไลท์สำคัญอย่าง “Varin Multi-sensory Installation”นิยามใหม่ของ “Wellness Entertainment”โปรเจกต์นี้เริ่มต้นจากแนวคิดที่ต้องการขยายความหมายของ “Wellness Entertainment” ให้ไปไกลกว่าการพักผ่อนหย่อนใจแบบเดิมๆ โดยเป็นการผสานความผ่อนคลายเข้ากับ Immersive Experience ที่ใช้เทคโนโลยีแสงสีเสียงสุดตระการตา เพื่อสร้างพื้นที่ที่มอบทั้งความสงบและการเยียวยาทางจิตใจ ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็น “จุดพักพลัง” ใจกลางเทศกาลดีไซน์วีค ให้ผู้มาเยือนได้ชาร์จพลังงานบวกก่อนจะออกไปสำรวจพื้นที่อื่นๆ ต่อไปการเดินทางผ่าน กลิ่น เสียง และภาพหัวใจของนิทรรศการคือการเล่าเรื่องเมืองระนองผ่านประสบการณ์ที่ดื่มด่ำครบทุกโสตประสาท ทีมออกแบบได้ทำงานร่วมกับ san แบรนด์เครื่องหอมโลคัลในพื้นที่ เพื่อรังสรรค์ “กลิ่นเอกลักษณ์ของระนอง” ขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งตีความจากกลิ่นอายของความเขียวชอุ่มในซอกหินหลังฝนตก ผสานกับกลิ่นดินและแร่ธาตุที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์เหมืองดีบุก กลิ่นนี้จะทำงานควบคู่ไปกับ Soundscape ที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์แบบประสบการณ์ทั้งหมดจะถูกโอบล้อมด้วยภาพแบบ Immersive ที่จำลองสถานที่สำคัญของระนองมาไว้ในพื้นที่เดียว ตั้งแต่บ่อน้ำพุร้อน บ่อมรกต ไปจนถึงร่องรอยของยุคเหมืองแร่ที่เคยรุ่งเรือง ทั้งหมดนี้ถูกนำเสนอผ่านสไตล์การออกแบบดิจิทัลที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้ผู้ชมได้เดินทางสู่ระนองในจินตนาการอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน_#TheMakingOf #PTDW2025#PakkTaiiDesignWeek#SouthParadise#มาใต้บายใจให้ถึงหวัน
16 ก.ย. BBBB